Send a Dozen Roses at WiddlyTinks.com
Romantic Snow Globes by WiddlyTinks.com
Je Mange. Donc, Je Suis.
Coffee with condensed milk |
The one and only Apong stall in Takuapa, (recipe inherited from grandma) in front of 7/11 store, Petchakasem Road |
The making of Chinese Apong in a small wok. Ingredients of the Apong: coconut milk, rice flour, eggs, sugar and salt. |
"Apong" |
Brown sugar flavored "Kosui" |
Pandan flavored (steamed) Rice Cake |
ขนม" โกซุีย" ขนาดถ้วยตะไล |
ขนม "โกโกย" (Pak Thong Koh) |
จาโก้ย จิ้มสังขยา (Cakoi with Pandan flavored kaya dip) |
My beloved grandmother
in her casually traditional costume
(this photo, taken during tin mining era)
***************
|
Nyonya-Peranakan costumes Parade for cultural campaign @Takua Pa Old Town "ย้อนรอยอดีตถนนสายวัฒนธรรม ตะกั่วป่า" (photo credit: www.kuapa.com) |
Why shouldn't I wear Nyonya costume
and strike a pose? hmmm:-)
|
เมืองตะกั่วป่า เป็นชุมชนโบราณ ซึ่งมาก่อนกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ในสมัยโบราณนั้นกล่าวถึงชุมชนนี้้ในชื่อ “ตะโกลา” แสดงว่า ชุมชนแห่งนี้มีผู้คนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่นมาแล้วในอดีต และมีความรุ่งเรืองทางศิลปวิทยาแห่งหนึ่งในคาบสมุทรไทย (จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนถึงจังหวัดนราธิวาส) มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในการสำรวจและขุดค้นทางโบราณคดีได้พบหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องราวของคนสมัยนั้นหลายอย่าง เช่น การพบเครื่องมือหินต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขวานหินขัดมีรูปหน้าตัดคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมูหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นเครื่องมือสำหรับ ตัดและสับ และภาชนะเครื่องปั้นดินเผารูปทรงต่างๆ เช่น หม้อ ถ้วย จาน ชาม ไห ทั้งชนิดเรียบๆ และมีลวดลายประดับตกแต่ง ร่องรอยที่ยังคงสืบมาจนปัจจุบันเช่น แหล่งโบราณคดีเหมืองทองบ้านทุ่งตึก ตำบลเกาะคอเขา อำเภอคุระบุรี และเมือง “ตะโกลา” ซึ่งเชื่อกันว่าเคยเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งในสมัยศรีวิชัย มีฐานะเป็นศูนย์อำนาจปกครองท้องถิ่นบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันตกของภาคใต้อยู่เป็นเวลานานหลายศตวรรษ และคงถูกโจมตีอย่างหนักจากพวกโจฬะ ตอนปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๖ จนบ้านเมืองเสียหายยับเยินกลายเป็นเมืองร้างไป เพราะผู้คนได้อพยพไปสร้างเมืองใหม่ลึกเข้าไปซึ่งเป็นที่ปลอดภัยกว่า ชื่อเมือง ตะโกลา จึงหายไปจากสำนึกของคนทั่วไป
"We are proud to be the oneในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช ได้เกิดชุมชนขุดแร่ขึ้นใหม่ในบริเวณเมืองตะกั่วป่า และบริเวณใกล้เคียง ในตำนานเมืองนครศรีธรรมราชเรียกชุมชนเหล่านี้รวมกันไปว่า “เมืองตะกั่วถลาง” ซึ่งชาวพื้นเมืองในสมัยนั้นรู้จักแร่ดีบุกในชื่อของแร่ “ตะกั่วดำ” เมืองตะกั่วถลาง คงจะหมายถึงชุมชนขุดแร่ดีบุกขนาดใหญ่หลายแห่งทางชายฝั่งตะวันตกในยุคนั้น ซึ่งอาจจะหมายถึง เมืองตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง และเมืองถลาง ซึ่งเป็นหัวเมืองขึ้นกรมสมุพระกลาโหม ในสมัยอยุธยาตอนกลาง หลังจากชาวยุโรปเข้าไปติดต่อรับซื้อแร่ดีบุกในบริเวณดังกล่าวมากขึ้น เมืองถลางบนเกาะภูเก็ตเริ่มขยายตัวเป็นชุมชนที่สำคัญขึ้นมา เพราะในปี พ.ศ. ๒๑๖๙ พวกดัทช์ ได้เข้าไปตั้งสถานีการค้าและทำสัญญาผูกขาดการค้าดีบุกที่นั่น จึงมีการรวมศูนย์อำนาจปกครองท้องถิ่นขึ้นที่เมืองถลาง เมืองตะกั่วป่าและตะกั่วทุ่ง จึงกลายเป็นเมืองบริวารของเมืองถลาง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนถึงสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ก็ยังคงสภาพเช่นนั้นมาตลอด ตอนต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๔ ในขณะที่หัวเมืองชายฝั่งตะวันตกกำลังมั่งคั่งจากการผลิตและค้าแร่ดีบุก หัวเมืองเหล่านี้ จะได้รับความสนใจจากทางฝ่ายไทย พม่า และบริษัทอังกฤษในอินเดีย ทางฝ่ายไทยได้อาศัยรายได้จากอากรดีบุกเพื่อฟื้นฟูอำนาจขึ้นมาใหม่ ถึงกับส่งขุนนางผู้ใหญ่ไปอยู่ประจำเพื่อรวบรวมพระราชทรัพย์ของหลวงในขณะที่พ่อค้าอังกฤษเข้ามาติดต่อซื้อขายดีบุกที่เกาะภูเก็ตมากขึ้น ทางฝ่ายพม่าก็ได้ส่งกองทัพมาปล้นสะดมหัวเมืองเหล่านี้บ่อยครั้งขึ้น โดยเฉพาะในปี พ.ศ. ๒๓๒๘ และในปี พ.ศ. ๒๓๕๒ การปล้นสะดมของพม่าทั้งสองครั้งได้ทำลายเมืองตะกั่วป่าและตะกั่วทุ่งเสียหายยับเยินทุกครั้ง แต่หลังจากพม่าถอนตัวกลับไปแล้ว ชาวเมืองก็กลับมาหาแร่ดีบุกอย่างเดิม สภาพเช่นนี้ทำให้เมืองตะกั่วป่าและตะกั่วทุ่งไม่อาจจะพัฒนาจนเป็นชุมชนที่เป็นปึกแผ่นมั่นคงได้ โดยเฉพาะในระยะก่อนปี พ.ศ. ๒๓๖๗ ซึ่งเป็นปีที่พม่าเริ่มทำสงคราม แพ้อังกฤษ และต้องยกมณฑลตะนาวศรีให้แก่อังกฤษ
เมืองตะกั่วป่าในระยะระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๐๔ – ๒๔๓๓ ได้รับการเชิดชูให้สูงขึ้นมากกว่าหรือเท่าเทียมกับเมืองพังงาและถลางในอดีตอย่างแท้จริง เจ้าเมืองมีอำนาจมากเป็นผู้สำเร็จราชการเมืองและมีหน้าที่ดูแลเมืองอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะเมืองตะกั่วทุ่ง ภูเก็ต และถลาง ในระยะแรกๆ แต่อย่างไรก็ตาม หัวเมืองชายฝั่งตะวันตกในระยะดังกล่าว ต่างก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นจากการขยายตัวของความต้องการสินแร่ดีบุกในตลาดโลก เพื่อนำไปทำแผ่นเหล็กอาบดีบุก ในขณะเดียวกันเจ้าเมืองตะกั่วป่าและเมืองอื่นๆ มั่งคั่งขึ้นจากการผูกขาดทำภาษีแบบ “เหมาเมือง” ดังจะเห็นได้จากจำนวนภาษีที่รับผูกขาดไปจากสมุหพระกลาโหม ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากปีละ ๒๖,๙๖๐ บาท ก่อนปี พ.ศ. ๒๔๑๕ เป็นปีละ ๒๙,๐๔๐ บาท ในปี พ.ศ. ๒๔๑๕ และ ปีละ ๑๒๐,๐๐๐ บาท ในปี พ.ศ. ๒๔๑๘ หรือเพิ่มขึ้นกว่า ๔ เท่าตัวในระยะเวลาเพียง ๓-๔ ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งของเมืองตะกั่วป่าและเจ้าเมืองตะกั่วป่าเกิดขึ้นในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญทั้งในเมืองตะกั่วป่าเองและในส่วนกลาง
ในเมืองตะกั่วป่า ชาวจีนได้อพยพเข้ามาทำเหมืองแร่จำนวนมากและแตกออกเป็นพวกๆ เป็นพวกยี่ปุนเถ้าก๋ง และโฮ่เซ่ง เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์จาการทำเหมืองแร่ และกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลที่เจ้าเมืองและกรมการเมืองอื่นๆ ต้องยอมรับโดยแต่งตั้งหัวหน้าชาวจีนขึ้นเป็นกรมการเมืองตำแหน่งหลวงบำรุงจีนประชา และขุนรักษาจีนประเทศ นายอำเภอจีนที่ ๑ และที่ ๒ แต่ก็ไม่สามารถระงับปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ของชาวจีนได้ ชาวจีนจึงก่อความวุ่นวายขึ้นบ่อยๆ แต่โชคดีที่เมืองตะกั่วป่ามีคนจีนอาศัยอยู่น้อยกว่าที่ภูเก็ตและระนอง การจลาจลจึงเกิดขึ้นในเมืองเหล่านี้ก่อนแล้วจึงลุกลามมาถึงเมืองตะกั่วป่าซึ่งไม่รุนแรงมากนัก เจ้าเมืแงและกรมการเมืองสามารถรักษาสถานการณ์ไว้ได้ทุกครั้งไม่ว่าในปี พ.ศ ๒๔๑๐ หรือ ปี พ.ศ. ๒๔๑๙ พระยาเสนานุชิต (นุช) เจ้าเมืองตะกั่วป่าขณะนั้นก็ไม่ประมาท ได้สร้างกำแพงค่ายล้อมจวนของตนไว้อย่างแข็งแรงสำหรับป้องกันพวกอั้งยี่ และรับผู้คนที่แตกตื่นหนีภัยเข้าไปอาศัยอยู่ในค่ายด้วย รวมพวกอั้งยี่ที่บาดเจ็บและแตกหนีศัตรูมา ซึ่งผลจากการก่อความวุ่นวายของชาวจีนครั้งนั้น ทำให้การผลิตแร่ดีบุกต้องชะงักลง มีผลเสียต่อภาวะเศรษฐกิจของหัวเมืองเหล่านี้อย่างมาก เพราะคนจีนอพยพกลับเสียมาก บ้านเมืองจึงร่วงโรยลง และยังถูกซ้ำเติมจากราคาดีบุกในตลาดโลกซึ่งตกต่ำอีกด้วย และหลังจากมีการขึ้นภาษีเป็นปีละ ๑๒๐,๐๐๐ บาท ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๑๘ -๒๔๒๑ การทำภาษีแบบเหมาเมืองในเมืองตะกั่วป่าก็เริ่มขาดทุน ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๒๒ -๒๔๒๕ พระยาเสนานุชิต (เอี่ยม) เจ้าเมืองตะกั่วป่าขณะนั้น จึงขอลดภาษีลง เป็นปีละ ๗๒,๐๐๐ บาท แต่บังเอิญในปี พ.ศ. ๒๔๒๔ ชาวจีนในเมืองตะกั่วป่าได้ก่อการจลาจลอีก จึงทำให้บ้านเมืองทรุดโทรมลงอย่างหนัก ภาษีที่เก็บได้จึงลดลงไปอีก ไม่สามารถเก็บได้ตามที่ประมูลมา จึงทำให้ค้างภาษีรัฐบาลกลางระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๒๘ ๒๔๓๔ เป็นจำนวนเงินถึง ๒๘๕,๓๑๕ บาท ถูกเรียกตัวไปเร่งภาษีที่เหมืองภูเก็ต จนกระทั่งเริ่มมีการปฏิรูปการปกครองแผนใหม่ในเมืองตะกั่วป่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๓๗ เป็นต้นมา จึงเริ่มเก็บภาษีแบบใหม่ ส่วนพระนราเทพภักดีศรีราชา (สิทธิ) ซึ่งเป็นผู้รักษาเมืองตะกั่วป่าขณะนั้น ก็ได้รับแต่งตั้งเป็น “ผู้ว่าราชการเมืองตะกั่วป่า”...ในหนังสือภูมิศาสตร์ประเทศสยาม ซึ่งพิมพ์ในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ ได้กล่าวถึงจังหวัดตะกั่วป่าไว้ย่อๆ ว่า “จังหวัดตะกั่วป่า อยู่ถัดจังหวัดพังงาขึ้นไปทางเหนือ มีเนื้อที่ประมาณ ๔,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร หรือ ๒.๕ ล้านไร่ แบ่งเป็น ๓ อำเภอ คือ อำเภอตลาดใหญ่ อำเภอเกาะคอเขา และอำเภอกะปง… พื้นที่ประกอบด้วยภูเขาและเนินสูงๆต่ำๆ มีการเพาะปลูกน้อย แร่ดีบุกมีอยู่ทั่วไปและเป็นสินค้าออกสำคัญของจังหวัดนี้”
Tin panning, using indigenous wooden batea: one of many different ways to wash the sand to find tin. |
The district was an important tin-dredging area in the first half of the twentieth century, with the English company Siamese Tin Syndicate Ltd., and the Australian company Satupulo No Liability Co., both operating dredges in the rivers, with narrow-gauge tramways following them upstream. The Asiatic Company also had a dredge and tramway further inland at Amphoe Kapong. Siamese Tin was operating here at least as late as 1967, but Thai magnates, such as the late Chuti Bunsung, assumed operations by the early 1980s. By 2008 there were no signs remaining of the mining, as plantations, particularly rubber, have covered the former dredged areas. The public library at Takua Pa town has photographs on display of the dredging and sluicing operations in their heyday in the 1920s and 1930s. The former Asiatic Company workshops can also still be seen in Amphoe Kapong town.(source: http://en.wikipedia.org/wiki/Takua_Pa_District)
According to an Indian chronicle, in 43 B.C. Takua Pa was a major trade seaport on the west coast of the south of Thailand. It was situated in the Arabian maritime route, with a Takua Pa River, being a transportation channel to the east coast near what is now, Chaiya district, Surat Thani province. Takua Pa was then abundant in spices, and was, therefore, called by the Indians as "Takkola", which refers to cardamom.
รถสองแถวตะกั่วป่า Takua Pa's local transport "Two Rows" or "Song Thew" |
The name was later corrupted to be "Takola". As the area also had tin ore in abundance and the town became an exporter of tin, the name "Takola" has been changed to "Takua Pa" as it is currently known.
A number of discoveries reflect the town's glorious past including statues of God Vishnu and a large number of beads found at "Baan Thung Tuek", Koh Kho Khao, which was a stop for Arabian traders in ancient times.
ตะกั่วป่าในเชิงตำนาน เป็นเมืองท่าสำคัญเมืองหนึ่งทางฝั่งทะเลตะวันตกของภาคใต้ ในราว พ.ศ. ๒๐๐- ๓๐๐ พระเจ้าอโศกมหาราช จักรพรรดิแห่งประเทศอินเดีย ยกกองทัพมาปราบปรามพวกกลิงคราษฐในอินเดียตะวันออกเฉียงใต้ จนพวกกลิงคราษฐส่วนหนึ่งอพยพจากถิ่นเดิมเลียบฝั่งทะเลตะวันตก มาจนถึงเมืองตะกั่วป่าและเมืองใกล้เคียง เช่น ตะกั่วทุ่งและถลาง เป็นต้น ปรากฏตามหลักฐานหนังสือมิลินทร์ปัญหา ซึ่งรจนาขึ้นราว พ.ศ. ๕๐๐ ว่า ชาวอินเดียเรียกเมืองนี้ว่า ตักโกละ หรือ ตกกล คำ ตักกล ภาษาสิงหล แปลว่า กระวาน เนื่องจากบริเวณนี้อุดมไปด้วยเครื่องเทศ http://books.google.co.th/books?id=a5rG6reWhloC&pg=PA194&lpg=PA194&dq=ancient+greek+geography+ptolemy+Takola&source=bl&ots=_CAfZo-7I_&sig=Cqrqa9-Ovt8Lmg023N8bULgmRsU&hl=en&sa=X&ei=PXbiUa84wYWtB961gKgP&redir_esc=y#v=onepage&q=ancient%20greek%20geography%20ptolemy%20Takola&f=false [...] Thus the Takola of Ptolemy's Geography, which was spelled Takkola in india,[...] มีหลักฐานปรากฎตามแผนที่ประวัติศาสตร์ของแฮมมอนด์ (Hammond Historical Atlas) http://www.siameseheritage.org/jsspdf/1904/JSS_002_2b_Gerini_HistoricalRetrospectOfJunkCeylonIslandPartI.pdf และมีโบราณสถาน และโบราณวัตถุประเภทลูกปัด เครื่องภาชนะดินเผา เครื่องแก้ว เป็นหลักฐานอยู่เป็นจำนวนมาก ณ บริเวณ ทุ่งตึก ที่เกาะคอเขา ต่อมาคำ ตกโกล จึงกลายเป็นเมือง “ตะโกลา” และเนื่องจากบริเวณนี้มีสินแร่อยู่ทั่วไป ตั้งแต่สมัยโบราณมีโรงถลุงแร่เคี่ยวเอาน้ำตะกั่ว ส่งไปขายต่างประเทศ จึงเรียกเมืองตะโลา เป็น “ตะกั่วป่า” ในหนังสือภูมิศาสตร์ปโตเลมี เมื่อราวพ.ศ.๘๐๐ http://en.wikipedia.org/wiki/Tambralinga [...] Although geographic location of Holing has been never mentioned in the reports of the pilgrims who had visited the kingdom, there are several reasons that suggest a location on Thai southern coast, which is precisely where the Greek astronomer Claudius Ptolemy said that the main port city of Takola Emporium was located during the first century[...] พรรณนาชื่อเมืองแหลมมลายูนี้ว่ามีเมืองหนึ่งชื่อ “ตะโกลา” (Takola) เป็นที่ค้าขาย (Mart) พระสารสาส์นฯ ตีความว่าน่าจะเป็นเมืองตะกั่วป่า ดังนี้
ก. ที่เมืองตะกั่วป่า มีโบราณสถานโบราณวัตถุอยู่เป็นสำคัญว่าเคยเป็นสถานของชาวอินเดียแห่งหนึ่ง
ข. พิเคราะห์ในแผนที่ ส่อให้เห็นว่าเมืองตะกั่วป่า คงเป็นสถานที่เรือแล่นข้ามไปอ่าวเบงกอล ไปมาในระหว่างเมืองอินเดียฝ่ายใต้กับแหลมมลายู
ค. เจ้ากรมราชกิจได้เคยไปสำรวจแร่ที่เกาะคอเขา ในปากน้ำตะกั่วป่า ขุดพบทองคำ ทรายจมกระจายอยู่ใต้ดินมากมาย สันนิษฐานว่า ที่ตรงนั้นเดิมคงเป็นสถานที่ตั้งค้าขายมาแต่ดึกดำบรรพ์
นายธรรม พานิช มีความเห็นว่า “ตะกั่วป่า” กับ “ตักโกลา” เป็นชื่อเดียวกัน โดย Takola เป็นภาษากรีก ส่วนตะกั่วป่า เป็นภาษาไทย หมายถึงดีบุก ชาวกรีกเขียนไว้ว่า “คาบสมุทรแหลมทองเริ่มต้นที่ตักโกลา”...
เมืองตะกั่วป่า เป็นชุมชนโบราณ ซึ่งมาก่อนกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ในสมัยโบราณนั้นกล่าวถึงชุมชนนี้้ในชื่อ “ตะโกลา” แสดงว่า ชุมชนแห่งนี้มีผู้คนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่นมาแล้วในอดีต และมีความรุ่งเรืองทางศิลปวิทยาแห่งหนึ่งในคาบสมุทรไทย (จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนถึงจังหวัดนราธิวาส) มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในการสำรวจและขุดค้นทางโบราณคดีได้พบหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องราวของคนสมัยนั้นหลายอย่าง เช่น การพบเครื่องมือหินต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขวานหินขัดมีรูปหน้าตัดคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมูหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นเครื่องมือสำหรับ ตัดและสับ และภาชนะเครื่องปั้นดินเผารูปทรงต่างๆ เช่น หม้อ ถ้วย จาน ชาม ไห ทั้งชนิดเรียบๆ และมีลวดลายประดับตกแต่ง ร่องรอยที่ยังคงสืบมาจนปัจจุบันเช่น แหล่งโบราณคดีเหมืองทองบ้านทุ่งตึก ตำบลเกาะคอเขา อำเภอคุระบุรี และเมือง “ตะโกลา” ซึ่งเชื่อกันว่าเคยเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งในสมัยศรีวิชัย มีฐานะเป็นศูนย์อำนาจปกครองท้องถิ่นบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันตกของภาคใต้อยู่เป็นเวลานานหลายศตวรรษ...(อ่านต่อได้ใน post: Takuapa & Tin Capital)สร้อยคอร้อยด้วยลูกปัดโบราณแบบต่างๆที่พบในอำเภอตะกั่วป่าและพื้นที่ใกล้เคียง
© AnnaVanilla, AllRightsReserved.
Designed by ScreenWritersArena