Khanom Thong Ek, special wedding treats |
Although I am not a number one fan of Thai desserts, I always love their colorful appearance as well as aromatic fragrance. Thai desserts are usually simple and most of the base ingredients e.g. rice flour (plain & glutinous ones), coconut milk & cream, palm, cane and coconut sugar, eggs, beans, banana, etc... can be found in any Thai marketplaces.
Steamed 9 layered-rice cake, pandan flavour, "Khanom Chan" |
Steamed Cassava Cake topped with grated coconut ขนมมันสำปะหลังโรยมะพร้าวขูด |
Petchburi Province has been well-renowned for its Thai Sweets as I could recall. When I was a child, accompanying my grandparents to Bangkok, I could see many Thai desserts' stalls and shops, one after another along the main road, when entering in Petchburi Province. In the past people were less worried about their heath compared to nowadays. Now there's a trend of eating right and people are a lot more careful about what they consume and that the number of Thai Sweets outlets has decreased, accordingly.
Khanom Tuoy ขนมถ้วย |
Khanom Aloa ขนมอาลัว หรือ ฮะหรั่ว |
However, there're still some demands for some Thai sweets as they are made from refined recipes that have been passed down for centuries, and take time with attentive details for preparation, especially for festivals such as the lunar new year, traditional Thai New Year, traditional wedding ceremonies or as special treats to be offered to monks on religious ceremonies.
Shredded Coconut Sweets มะพร้าวแก้ว |
ถึงแม้ว่าส่วนตัวจะไม่ชอบทานขนมไทย เพราะไม่ชอบรสหวานจัดและกลิ่นเทียนอบ แต่ชอบหน้าตา สีสันของขนม และขนมไทยยังสื่อถึงความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมประจำชาติที่โดดเด่นและมีมาช้านาน จะเห็นได้จากขนมไทยที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมหรือในประเพณีสำคัญทั้งทางศาสนาและชีวิตประจำวันแบบไทยๆ เช่นขนมในงานแต่งงานที่มักมีชื่อเรียกที่เป็นมงคล หรือใช้สัญลักษณ์ที่สื่อความหมายของการใช้ชีวิตคู่ ความผาสุขร่มเย็น :-)
Crispy Jelly วุ้นกรอบ |
วัตถุดิบในการปรุงขนมไทยเป็นวัตถุดิบที่หาซื้อได้ง่ายในท้องถิ่น หรือตามร้านของชำในตลาด ซึ่งวัตถุดิบหลักก็จะมีดังนี้
๑. แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว
๒. มะพร้าวและกะทิ
๓.น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลอ้อย น้ำตาลโตนด
๔.ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ (ไข่เริ่มเป็นส่วนผสมของขนมไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากขนมของโปรตุเกส)
๕. ถั่วและงา
๖. กล้วย
๗. สีธรรมชาติ เช่น สีเขียว ได้จากใบเตยโขลกละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ สีน้ำเงิน ได้จากดอกอัญชันโดยเด็ดกลีบอัญชันลงในน้ำเดือด ถ้าบีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยจะได้สีม่วงคราม สีดำ ได้จากกาบมะพร้าวเผาไฟนำมาโขลกผสมน้ำแล้วกรอง สีเหลือง ได้จากขมิ้นหรือหญ้าฝรั่น
๘. กลิ่นหอมธรรมชาติ เช่น กลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ กลิ่นใบเตย กลิ่นเทียนอบ กลิ่นดอกกระดังงา
คำว่า "ขนม" มีใช้มาหลายร้อยปียากจะสันนิษฐานแน่นอนได้ เช่นเดียวกับไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่า "ขนมไทย" เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยใดเป็นครั้งแรก แต่ตามประวัติศาสตร์ไทยมีหลักฐานตอนหนึ่งว่า มีการจารึกชื่อขนมในแท่งศิลาจารึก เป็นการจารึกแบบลายแทงสมัยโบราณ ขนมที่ปรากฏคือ "ไข่กบ นกปล่อย บัวลอย อ้ายตื้อ" ถามผู้ใหญ่ดูถึงได้รู้ว่า ไข่กบ หมายถึง เม็ดแมงลัก นกปล่อย หมายถึง ลอดช่อง บัวลอย หมายถึง ข้าวตอก อ้ายตื้อ หมายถึง ข้าวเหนียว ขนมทั้งสี่ใช้น้ำกระสายอย่างเดียวกันคือ "น้ำกะทิ" โดยใช้ถ้วยใส่ขนม ซึ่งเราเรียกการเลี้ยงขนม ๔ อย่างนี้ว่า "ประเพณี ๔ ถ้วย"
ขนมประเภทที่ใช้ข้าว (แป้ง) น้ำตาล มะพร้าว คงจะมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เพราะมีการติดต่อกับต่างประเทศ กล่าวว่าในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีท่านผู้หญิงของเจ้าพระยาวิชาเยนชร์บรรดาศักดิ์ "ท้าวทองกีบม้า" ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับชาว พนักงานของหวาน ได้ประดิษฐ์คิดค้นขนมตระกูลทองเพราะมีไข่ผสมคือ ทองหยิบ ทองหยอด ทองพลุ ฝอยทอง ทองโปร่ง เป็นต้น
๑. แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว
๒. มะพร้าวและกะทิ
๓.น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลอ้อย น้ำตาลโตนด
๔.ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ (ไข่เริ่มเป็นส่วนผสมของขนมไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากขนมของโปรตุเกส)
๕. ถั่วและงา
๖. กล้วย
๗. สีธรรมชาติ เช่น สีเขียว ได้จากใบเตยโขลกละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ สีน้ำเงิน ได้จากดอกอัญชันโดยเด็ดกลีบอัญชันลงในน้ำเดือด ถ้าบีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยจะได้สีม่วงคราม สีดำ ได้จากกาบมะพร้าวเผาไฟนำมาโขลกผสมน้ำแล้วกรอง สีเหลือง ได้จากขมิ้นหรือหญ้าฝรั่น
๘. กลิ่นหอมธรรมชาติ เช่น กลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ กลิ่นใบเตย กลิ่นเทียนอบ กลิ่นดอกกระดังงา
Black glutinous rice with shredded coconut on top ข้าวเหนียวดำหน้ากระฉีกใบเตย |
..................................................................................
*สนเทศน่ารู้ : ขนมไทย สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหงขนมไทย
ขนมไทย หัตถกรรมความอร่อยที่แสดงออกถึงความอ่อนช้อยของความเป็นไทย ตั้งแต่ครั้งอดีตกาลที่ก่อกำเนิดภูมิปัญญาไทยหลากหลายอย่างให้สืบสานต่อทั้ง วิถีชีวิตประเพณี วัฒนธรรม ที่สามารถนำวัสดุมีอยู่ในท้องถิ่นมาปรุงแต่งเป็นของหวานได้มากหลายรูปแบบ จัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าคนไทยมีลักษณะนิสัยอย่างไร เพราะขนมแต่ละชนิดล้วน มีเสน่ห์ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน ประณีต วิจิตรบรรจงในรูปลักษณ์ ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้ วิธีการทำที่กลมกลืน ความพิถีพิถัน สีที่ให้ความสวยงาม มีกลิ่นหอม รสชาติของขนมที่ละเมียดละไมชวนให้รับประทาน แสดงให้เห็นว่าคนไทยเป็นคนใจเย็น รักสงบ มีฝีมือเชิงศิลปะ คำว่า "ขนม" เข้าใจว่ามาจากคำสองคำที่มาผสมกันคือ
"ข้าวหนม" และ "ข้าวนม" เข้าใจว่าเป็นข้าวผสมน้ำอ้อย น้ำตาล โดยอนุโลมคำว่าหนม แปลว่า หวาน
"ข้าวหนม" และ "ข้าวนม" เข้าใจว่าเป็นข้าวผสมน้ำอ้อย น้ำตาล โดยอนุโลมคำว่าหนม แปลว่า หวาน
ข้าวหนม ก็แปลว่า ข้าวหวาน เรียกสั้นๆ เร็วๆ ก็กลายเป็น ขนมไป ส่วนที่ว่ามาจากข้าวนม (ข้าวเคล้านม) นั้นดูจะเป็นตำนานแขกโบราณ อย่างข้าวมธุปายาส (ที่นางสุชาดาทำถวายพระพุทธเจ้าเมื่อตอนตรัสรู้ก็ว่าเป็นข้าวหุงกับนม)
beautiful & subtle "Jah Mong Kud" or "Sergeant's Crown" ideally prepared on the occasion of career promotion as well as auspicious ceremonies. ขนมจ่ามงกุฎ |
ขนมประเภทที่ใช้ข้าว (แป้ง) น้ำตาล มะพร้าว คงจะมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เพราะมีการติดต่อกับต่างประเทศ กล่าวว่าในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีท่านผู้หญิงของเจ้าพระยาวิชาเยนชร์บรรดาศักดิ์ "ท้าวทองกีบม้า" ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับชาว พนักงานของหวาน ได้ประดิษฐ์คิดค้นขนมตระกูลทองเพราะมีไข่ผสมคือ ทองหยิบ ทองหยอด ทองพลุ ฝอยทอง ทองโปร่ง เป็นต้น
กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒ ที่ทรงพระราชนิพนธ์ ชมพระศรีสุริเยนทรา บรมราชชนนีด้วยกระบวนแต่งเครื่องเสวย ที่ไม่มีผู้ใดจะเสมอได้ในครั้งนั้น ด้วยกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ที่ไพเราะยิ่ง
โคลง
****
สังขยาหน้าไข่คุ้น เคยมี
แกมกับข้าวเหนียวสี โศกย้อม
เป็นนัยนำวาที สมรแม่ มาแม่
แถลงว่าโศกเมอพร้อม เพียบแอ้ อกอร
กาพย์
****
* สังขยาหน้าตั้งไข่ ข้าวเหนียวใส่สีโศกแสดง
เป็นนัยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
* ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพย์หริ่มพิมเสนโรย
* ลำเจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้หาบุหงางาม
* มัศกอดกอดอย่างไร น่าสงสัยใคร่ขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
* ลุตตี่ นี่น่าชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาหน้าไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
* ขนมจีบเจ้าจีบห่อ งามสมส่อประพิมประพาย
นึกน้องนุ่งจีบถวาย ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
* รสรักยักลำนำ ประดิษฐ์ทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม
* ทองหยิบทิพย์เทียมทัด สามหยิบชัดน่าเชยชม
หลงหยิบว่ายาดม ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
* ขนมผิงผิงผ่าวร้อน เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
ร้อนนักรักแรมไกล เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
* รังไรโรยด้วยแป้ง เหมือนนกแกล้งทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง ยังยินดีด้วยมีรัง
* ทองหยอดทอดสนิท ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง แต่ลำพังสองต่อสอง
* งามจริงจ่ามงกุฎ ใส่ชื่อดุจมงกุฎทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง สะอิ้งน้องนั้นเคยแล
* บัวลอยเล่ห์บัวงาม คิดบัวถามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล สถนนุชดุจประทุม
* ช่อม่วงเหมาะมีรส หอมปรากฏกลโกสุม
คิดสีสไบคลุม หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาน
* ฝอยทอง เป็นยองใย เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
คิดความยามเยาวมาลย์ เย็บชุนใช้ไหมทองจีนฯ
คิดความยามเยาวมาลย์ เย็บชุนใช้ไหมทองจีนฯ
awesome Thai desserts
ReplyDeleteYes, indeed! ...and calories don't count!
Delete