Sesbania flower, known in Thai as "Dok Khae", is one of many edible flowers in S. Asian and S/E Asian countries. In India, it is called "Agati". The plant is also known as "Cork Wood Tree" and "Vegetable Humming Bird". The flowers, young leaves, tender pods and pollen are edible and have been proved to contain a lot of vitamins (a good source of V. C and Beta-Carotene) , minerals and hormones, necessary for human body.
...The white flowers are preferred in the Philippines since red ones are said to be bitter. Leaves are also cooked as a vegetable. In Sri Lanka, one method of preparation is to cook chopped leaflets of Sesbania with chopped onions in coconut milk, creating a vegetable component of a traditional rice-based meal. As far back as the 1930s, lactating mothers in Java were encouraged to eat young pods and flower buds of Sesbania since it was believed that these stimulate milk secretion. This galactagogue effect has also been reported in cattle in Kenya where in the 1950s, Sesbania was referred to as "milk shrub". Farmers were encouraged to feed Sesbania fodder to lactating cows to enhance milk secretion. (source: www.fao.org)
Dok Khae is used from generation to generation in Thai cuisine. Raw flowers can be eaten alone as a vegetable, or...stuffed and deep-fried, tempura style or mixed into salad, cooked in "Kaeng Som"---> a.k.a. sour curry, as well as steamed as accompaniment of spicy shrimp paste dipping sauce, or "Nam Phrik" in Thai. According to Thai local wisdom, Dok Khae helps bring relief to nasal congestion, and rhinitis and associated headache. I am not surprised at all why we are told all the time to eat "Kaeng Som Dok Khae" and other menus made of Dok Khae, prior to/during changing of the seasons and whenever we catch a cold or a flu. :)
Ingredients:
(Fritters: serve 3-4)
30-35 white Sesbania flowers(Fritters: serve 3-4)
1/2 cup Koki Thai Tempura flour
1/2 cup rice flour
2 eggs, beaten
1/4 cup cold water
1/2 teaspoon salt
palm oil for frying
sweet chili sauce
How to:
To make the fritters, I use the whole flower without removing its green pod, calyx and pollen.
- Put tempura flour, rice flour and salt into a bowl. Make a well in the middle. Add in the eggs and cold water and beat gradually to a smooth batter.
- Heat oil for deep frying. Dip flowers into the batter one at a time and drop into the hot oil, not too many at once. Drain on a slotted spoon, then on absorbent paper.
- Serve immediately while warm and crisp, with Thai sweet chili sauce for dipping. Enjoy!
"แคบ้าน"
...ผักบ้านๆ (แต่ชื่อภาษาอังกฤษเดิ้นมาก Sesban หรือ Sesbania flower) พบได้ทั่วไป ในประเทศแถบเอเซียใต้ และกลุ่มประเทศอาเซี่ยน... ว่ากันว่าบรรพบุรุษของตระกูล "แค"ในอาเซี่ยน เดินทางมาจากหมู่เกาะฮาวาย...บ้างก็ว่ามาจากอินเดีย...ชาวพื้นเมืองเกาะฮาวาย เรียกดอกแคว่า ʻohai keʻokeʻo ในประเทศอินเดีย เรียกดอกแคว่า Agati ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับตำนาน พระศิวะ... ส่วนในภาษาสิงหล ประเทศศรีลังกา เรียกว่า Katura...ภาษาตากาล็อก ประเทศฟิลิปปินส์ เรียกดอกแคว่า Katuray...บางคนก็เรียก ดอกแค ว่า Katuri flower... บ้านเราที่เรียกว่าดอกแคน่าจะใกล้เคียงสุดกับ ภาษาลาว ແຄ(ຂາວ) อ่านว่า แค ลาว และ ภาษาเขมร ផ្កាអង្គាដី (pka angkea dey) อ่านว่า ผกา อังแค ได...
ดอกแค...มีทั้งดอกสีขาวนวล และสีแดง ทั้งดอกตูมและดอกบาน ให้คุณค่าทางอาหารมากมาย ใครอยากได้วิตามินซีสด ลองกินดอกแคสด ซึ่ง 1 ขีด ให้วิตามินซีถึง 35 มิลลิกรัม... มีข้อแม้ว่า...ห้ามเด็ดขั้วดอกออกเด็ดขาด เพราะมวลมหาคุณค่าทางอาหาร รวมอยู่ที่ขั้ว+เกสรดอกนี่เอง...ในเวียดนาม กับเขมร เขานำดอกแคมาทำสลัด หรือ ลวกกับเกลือกิน... บ้านเรา นำมาใส่ในแกงส้ม... นำมาชุบแป้งทอด หรือ ยำ หรือ ผัดกับเนยสด หรือลวกราดกะทิ หรือ ลวกจิ้มกับน้ำพริก แบบไหนก็หร้อย :)
ดอกแค...มีทั้งดอกสีขาวนวล และสีแดง ทั้งดอกตูมและดอกบาน ให้คุณค่าทางอาหารมากมาย ใครอยากได้วิตามินซีสด ลองกินดอกแคสด ซึ่ง 1 ขีด ให้วิตามินซีถึง 35 มิลลิกรัม... มีข้อแม้ว่า...ห้ามเด็ดขั้วดอกออกเด็ดขาด เพราะมวลมหาคุณค่าทางอาหาร รวมอยู่ที่ขั้ว+เกสรดอกนี่เอง...ในเวียดนาม กับเขมร เขานำดอกแคมาทำสลัด หรือ ลวกกับเกลือกิน... บ้านเรา นำมาใส่ในแกงส้ม... นำมาชุบแป้งทอด หรือ ยำ หรือ ผัดกับเนยสด หรือลวกราดกะทิ หรือ ลวกจิ้มกับน้ำพริก แบบไหนก็หร้อย :)
ชาวเกาะชวา แดนอิเหนา... นำเปลือกแค มาเผาแล้วบด...ใช้เขียนคิ้ว หรือ เขียนขอบตา แทน ดินสอเขียนคิ้วกับ อาย ไลน์เนอร์... และเชื่อว่า การกินดอกแค ช่วยกระตุ้นน้ำนมแม่ในระยะให้นมบุตร ส่วนชาวเกาะ อัมบน (Ambon island ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Maluku Islands ประเทศอินโดนีเซีย)...ใช้น้ำดอกแค หยอดตา รักษาตาเบลอ (น่าว่า...อิเมาหมัดยาย )
...
น้ำ จากดอกแค นั้น สรรพคุณทางยา คือ แก้ปวดหัว มึนหัว และคัดจมูก... ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าภูมิปัญญาไทยโบราณนี่สุดยอดจริงๆ และไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ คนรุ่นปู่ย่าตายายของเรา บอกว่า... "ให้กินใบแคแก้ไข้... อากาศเปลี่ยน... เปลี่ยนฤดู หรือ...กินแกงส้มดอกแคแก้ไข้หัวลม (ไข้หวัด)"
...
สำหรับดอกแคชุบแป้งทอดนี้... ทำแป้งชุบแป้งทอดโดยผสมแป้งโกกิ, แป้งข้าวเจ้า, เกลือเล็กน้อย, ไข่ไก่ และน้ำเย็นจัด ลงในชามผสม... คนด้วยตะกร้อมือเรื่อยๆ แต่เบามือ...ให้เข้ากันจนส่วนผสมข้นและเนียน (อาจผสมเครื่องแกงกะทิลงไปด้วยก็ได้...สำหรับคนที่ชอบรสจัด)... จากนั้น จึงนำดอกแคมาชุบแป้งให้ทั่ว... ก่อนนำลงทอดในกระทะ ที่น้ำมันร้อนดีแล้ว ทอดไฟกลาง จนสุก และแป้งกรอบออกสีนวลอมเหลือง... ใช้ตะแกรงตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน... เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มไก่ :)
...
สำหรับดอกแคชุบแป้งทอดนี้... ทำแป้งชุบแป้งทอดโดยผสมแป้งโกกิ, แป้งข้าวเจ้า, เกลือเล็กน้อย, ไข่ไก่ และน้ำเย็นจัด ลงในชามผสม... คนด้วยตะกร้อมือเรื่อยๆ แต่เบามือ...ให้เข้ากันจนส่วนผสมข้นและเนียน (อาจผสมเครื่องแกงกะทิลงไปด้วยก็ได้...สำหรับคนที่ชอบรสจัด)... จากนั้น จึงนำดอกแคมาชุบแป้งให้ทั่ว... ก่อนนำลงทอดในกระทะ ที่น้ำมันร้อนดีแล้ว ทอดไฟกลาง จนสุก และแป้งกรอบออกสีนวลอมเหลือง... ใช้ตะแกรงตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน... เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มไก่ :)